หลักการและเหตุผล
ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติในการทำงาน เพราะทุกคนต่างมีมุมมอง ความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะในองค์กรยุคใหม่ที่มีความหลากหลายของ Generation ก็ยิ่งทำให้มุมมอง ความคิด แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด จนนำไปสู่ความขัดแย้งภายในองค์กร แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าความขัดแย้งจะเป็นเรื่องไม่ดีเพราะผู้นำในหลายองค์กรสามารถบริหารความขัดแย้งได้อย่างสร้างสรรค์นำไปสู่การแข่งขันหรือสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้ามากขึ้น
หลักสูตรนี้จึงถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อให้บุคลากร มีความเข้าใจในในเรื่องการบริหารความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเสริมศักยภาพของหัวหน้างานให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น ด้วยการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ : Training Workshop ผสมผสาน การอภิปราย ระดมความคิด วิเคราะห์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากกรณีศึกษา และสถานการณ์จริงของผู้เข้าอบรม รวมไปถึงกิจกรรม Work Shop
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจถึงผลกระทบของความขัดแย้ง
2. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจถึงสาเหตุของความขัดแย้งในองค์กร
3. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจถึงพฤติกรรมการแสดงออกในแต่ละแบบเมื่อต้องเผชิญความขัดแย้ง
4. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมค้นหาเครื่องมือในการบริหารความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
5. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในองค์กร
หัวข้อการฝึกอบรม
1. ผลกระทบของความขัดแย้ง
• นำไปสู่ความตึงเครียดในการทำงาน
• ส่งผลต่อบรรยากาศการทำงาน
• เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก
• ถูกแทรกแซงจากบุคคลที่สามได้ง่าย
• มุ่งเอาชนะจนไม่สนผลกระทบที่มีต่อองค์กร
2. ที่มาของความขัดแย้ง
• ความสัมพันธ์
• ผลประโยชน์
• ค่านิยม
• ข้อมูล
• โครงสร้าง
3. พฤติกรรมที่แสดงในความขัดแย้ง
• การมุ่งเอาชนะ
• ความร่วมมือ
• การประนีประนอม
• ยอมให้
• หลีกเลี่ยง
4. เครื่องมือในการบริหารความขัดแย้ง
• ความขัดแย้งที่เกิดจากความสัมพันธ์
• ความขัดแย้งที่เกิดจากผลประโยชน์
• ความขัดแย้งที่เกิดจากค่านิยม
• ความขัดแย้งที่เกิดจากข้อมูล
• ความขัดแย้งที่เกิดจากโครงสร้าง
5. คุณสมบัติของนักบริหารความขัดแย้ง
• Ability ความสามารถ
• Authority ผู้มีอำนาจ
• Available Time เวลาว่าง
6. Work shop หรือกิจกรรมเกมบริหารความขัดแย้ง
ผู้เข้าฝึกอบรม
– พนักงาน
– หัวหน้างาน
– ผู้จัดการ
ระยะเวลาการฝึกอบรม:
1 วัน (6 ชั่วโมง)
จำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรม:
30 คน
วิธีการฝึกอบรม: บรรยาย 40% กิจกรรมการเรียนรู้ 60%
– เป็นการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ (Adult Learning) โดยผู้เรียนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในแนวทางของตัวเอง
– กิจกรรมการเรียนรู้
– การบรรยาย-สาธิต
– ระดมสมอง – เกมประกอบหลักสูตร – กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์
– การแสดงบทบาทสมมติ
– วิทยากรทำหน้าที่เพียงผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (Facilitator) ทำให้การพัฒนาเป็นไปตามธรรมชาติของผู้เรียนรู้นั้น ๆ
วิธีการประเมินผล
– จากแบบสอบถามและการสังเกต
– จากการสุ่มตัวอย่างทดสอบและทบทวนกลับ
– จากข้อมูลที่ได้รับและการติดตาม วิเคราะห์ประเมินผลจากนามธรรมสู่รูปธรรมจนเกิดประสิทธิผลสูงสุด