การส่งเสริมจิตบริการในการทำงานเป็นทีม
(Services Mind & Teamwork Training Workshop)
หลักการและเหตุผล
จากความหมายของการบริการที่ผู้รู้ได้กล่าวไว้ว่า “งานบริการหมายถึงการที่บุคคลได้ช่วยเหลือดูแลผู้อื่นและสังคมด้วยกำลังแรงกายและสติปัญญาเพื่อให้เกิดประโยชน์ ความสุข และนำมาซึ่งความถึงพอใจของลูกค้า ซึ่งลูกค้าก็คือบุคคลซึ่งได้รับประโยชน์ ความสุข ความพึงพอใจจากผู้ให้บริการนั่นเอง ดังนั้นในองค์กรที่ประกอบกิจการใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับงานบริการ จำเป็นต้องมีการฝึกพัฒนาพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะและทัศนคติที่ดีต่อการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการส่งเสริมทักษะความรู้เรื่องจิตบริการและการทำงานเป็นทีม เพราะจิตบริการเป็นพื้นฐานที่สำคัญ เนื่องจากการกระทำหรือพฤติกรรมของคนเรา รวมทั้งเรื่องของการสื่อสารและบุคลิกภาพ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของผู้ให้บริการหรือผู้รับบริการล้วนเกิดมาจากความคิดอันได้แก่จิตใจ ซึ่งก็เป็นเรื่องของทัศนคติที่เกิดจากจากการสั่งสมของข้อมูล ประสบการณ์และความรู้ที่ตนเองได้รับ
แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นจิตบริการเชิงลบหรือจิตบริการเชิงบวกย่อมส่งผลความสำเร็จต่อบุคลากรและองค์กรทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามในการใช้กลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายนั้น บุคลากรในองค์กรจำเป็นต้องมีจิตบริการหรือพฤติกรรมเชิงบวก มีบุคลิกภาพที่ดีงาม เพราะพฤติกรรมเชิงบวกหรือจิตบริการเชิงบวกและบุคลิกภาพที่ดีงามอย่างมืออาชีพนั้น ย่อมเป็นปัจจัยที่สามารถช่วยส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพในงานทำงานเป็นทีมได้เป็นอย่างดี
ด้วยหลักการและเหตุผลดังกล่าวข้างต้น การจัดการอบรมส่งเสริมให้บุคลากรมีจิตบริการในการทำงานเป็นทีม ย่อมเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะทำให้องค์กรก้าวหน้า เป็นประโยชน์กับกิจการขององค์กรเพราะบุคลากรที่ผ่านการอบรมจะมีจิตบริการที่ดี มีทัศนคติเชิงบวก มีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างแท้จริง ผ่านทางการแสดงออกด้วย การสื่อสารที่เป็นมิตร มีน้ำเสียงมีกิริยาท่าทางรอยยิ้ม มีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน มีส่วนร่วมในความรับผิดชอบต่อตนเองและทีมงาน ตลอดจนสามารถนำทีมและองค์กรก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างสง่างาม
วัตถุประสงค์
1. เพื่อส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ทักษะการบริการ มีความสามัคคี สร้างความประทับให้ลูกค้า
2. เพื่อสร้างสรรค์ให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของการมีจิตบริการที่ทรงประสิทธิภาพ สามารถฝึกฝน พัฒนาจิตบริการในการทำงานเป็นทีม จนบรรลุวัตถุประสงค์ตรงตามเป้าหมายขององค์กร
3. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับประยุกต์ใช้ในงานและในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม
4. เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำงานเป็นทีมที่ดี และมีความก้าวหน้าในการส่งมอบการบริการด้วยความรักความสามัคคี ความเข้าใจที่ถูกต้อง มีบุคลิกภาพที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าทั้งภายในและภายนอกองค์กร
5. เพื่อเป็นการสนับสนุนพันธกิจหลักขององค์กร ตลอดจนเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้กับองค์กร ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายสืบต่อไป
หัวข้อการฝึกอบรม
1. การปรับและสร้างพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับจิตบริการในการทำงานเป็นทีม
– เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จ
– เป็นผู้เสียสละเพื่อส่วนรวม
– เป็นผู้ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
– เป็นผู้รักษาไว้ซึ่งมาตรฐานขององค์กร
– เป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ในองค์กรของเรา
2. จิตบริการกับวัฒนธรรมองค์กร,JOB VALUE
– เริ่มจากต้องพัฒนาตน รู้หน้าที่ ทำหน้าที่
– การช่วยผู้อื่นตามกำลัง ความสามารถและประสบการณ์
– การทำสิ่งดีงามให้ตนเอง ครอบครัวที่ทำงาน สังคมและประเทศชาติ
– JOB VALUEและการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรให้ยั่งยืน
– การพัฒนาศักยภาพส่วนบุคคลจากภายในสู่ภายนอก
– หลักการหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ อย่างต่อเนื่อง จริงจัง
3. ความหมายของจิตบริการ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต้องทำและเริ่มอย่างไร
– ความหมายของการจิตบริการ
– การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทำและเริ่มอย่างไร
4. 3 H สู่ความเป็นมืออาชีพจิตบริการในการทำงานเป็นทีม
– HEAD
– HEART
– HAND
5. 7 หัวใจหลักเพื่อเสริมสร้างจิตบริการในการทำงานเป็นทีม
– เข้าใจ ภูมิใจ เปิดใจ ได้ใจ ใส่ใจ ร่วมใจ สุขใจ
6. เทคนิคการเสริมสร้างจิตบริการในการทำงานเป็นทีม
– เทคนิค 101 คิดดี พูดดี ทำดี
– เทคนิค 8 ย เมื่อต้องทำงานกับคนหมู่มาก
– เทคนิค 3 R กับการสร้างความสัมพันธ์ที่งดงาม
– เทคนิค 3 ช เพื่อสร้างความร่วมมือในทีมตลอดไป
ผู้เข้าฝึกอบรม
– พนักงาน
– หัวหน้างาน
– ผู้จัดการ
ระยะเวลาการฝึกอบรม:
1 วัน (6 ชั่วโมง)
จำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรม:
30 คน
วิธีการฝึกอบรม: บรรยาย 30% กิจกรรมการเรียนรู้ 70%
– เป็นการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ (Adult Learning) โดยผู้เรียนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในแนวทางของตัวเอง
– กิจกรรมการเรียนรู้
– การบรรยาย-สาธิต
– ระดมสมอง – เกมประกอบหลักสูตร – กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์
– การแสดงบทบาทสมมติ
– วิทยากรทำหน้าที่เพียงผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (Facilitator) ทำให้การพัฒนาเป็นไปตามธรรมชาติของผู้เรียนรู้นั้น ๆ
วิธีการประเมินผล
– จากแบบสอบถามและการสังเกต
– จากการสุ่มตัวอย่างทดสอบและทบทวนกลับ
– จากข้อมูลที่ได้รับและการติดตาม วิเคราะห์ประเมินผลจากนามธรรมสู่รูปธรรมจนเกิดประสิทธิผลสูงสุด