Mind Map for Systematic Thinking
หลักการและเหตุผล
หลักการและเหตุผล
Mind Map เป็น เครื่องมือด้านความคิดที่ออกแบบโดยเลียนแบบการทำงานของสมอง ซึ่งเป็นการแสดงผลของ “ภาษาของสมอง” เป็นวิธีเดียวกับที่สมองคิด ใช้ได้ทั้งการนำข้อมูลเข้า (จดบันทึก) และออกจากสมอง (ระดมสมอง แสดงความคิด) ดังนั้นการเข้าใจหลักการทำงานของสมอง รวมทั้งการคิดอย่างเป็นระบบ เมื่อนำมาประยุกต์เข้ากับเครื่องมือ Mind Map ทำให้เกิดเครื่องมือที่ง่ายและสะดวกต่อการแปลความคิดที่อยู่ในสมองออกมาเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นและเข้าใจได้ง่ายขึ้น
การเขียน Mind Map เพื่อประยุกต์ใช้กับการทำงาน หรือการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพผู้เขียนควรเข้าใจหลักการคิดต่างๆที่เกี่ยวข้องได้แก่
การคิดเชิงตรรกะ….เพื่อสร้างมุมมองที่เป็นเชิงเหตุผล เกี่ยวข้อง เชื่อมโยง
การคิดเชิงสร้างสรรค์ …. เพื่อสร้างความหลากหลายทางความคิด
การคิดเชิงวิเคราะห์ …. เพื่อมีมุมมองแบบแยกองค์ประกอบ
การคิดเชิงกลยุทธ์ ….เพื่อมีมุมมองเชิงทางเลือก และ จัดลำดับความสำคัญ
หากผู้ปฏิบัติงานได้รับการพัฒนาทักษะการคิดด้านต่างๆ และการเขียนแผนภาพความคิดด้วย Mind Map จะช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสาร การนำเสนอ การวางแผนทรัพยากร การแก้ปัญหาและการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
Mind Map (มายแมพ) หรือแผนผังความคิด เป็นเครื่องมือในการช่วยคิดและจดบันทึก ใช้เพื่อถ่ายทอดความคิดหรือข้อมูลออกมาเป็นแผนภาพแบบเป็นรัศมี ได้รับการคิดค้นโดย โทนี บูซาน (Tony Buzan) ถือเป็นเครื่องมือการคิด ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและแพร่หลายไปทั่วโลก
หลักสูตร Mind map เป็นหลักสูตรที่ถ่ายทอดเทคนิคการคิดที่สอดคล้องกับการทำงานตามธรรมชาติของสมองมนุษย์ จึงเป็นการใช้ศักยภาพของสมองอย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยเพิ่มสมรรถนะในการคิด เชื่อมโยงความคิดใหม่ๆให้กว้างขวางขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด
Mind Map สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงาน หรือการดำเนินชีวิตด้านต่างๆได้อย่างมากมาย เช่น
ด้านความคิดสร้างสรรค์ : ช่วยเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้ ของสมองทั้ง 2 ซีก กระตุ้นให้เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ด้านการจัดระเบียบความคิด : ทำให้เห็นภาพรวมและรายละเอียดของเรื่องราวต่างๆชัดเจน ทำให้สรุปใจความสำคัญของเรื่องราวต่างๆได้ง่ายขึ้น ด้านกลยุทธ์และการวางแผน : ใช้ในการวางแผน ตั้งแต่เรื่องส่วนตัว การทำงาน การวางแผนองค์กร การทำโครงการต่างๆ ด้านการคิดเชิงวิเคราะห์ : ช่วยในการวิเคราะห์โดยการแยกองค์ประกอบ และตัดสินใจแก้ปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ด้านการระดมความคิด (brainstorming) : สามารถระดมความคิดแบบกลุ่มโดยสอดคล้องกับการทำงานของสมองอย่างเป็นอิสระ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะและกระบวนการคิดแบบองค์รวม การคิดแบบบูรณการ และการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการคิดและการถ่ายทอดโดยใช้ Mind Mapping
2. เพื่อสร้างการเรียนเข้าใจหลักการทำงานทั่วไปของสมองที่นำไปสู่กระบวนการคิด
3. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำเทคนิค เครื่องมือที่ได้ดเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานได้
หัวข้อการฝึกอบรม
PART 1 : เรียนรู้และเข้าใจหลักการทำงานของสมองและการคิดประเภทต่างๆ
– สำรวจแนวความคิดด้านทักษะการคิดของตัวเอง
– หลักการสำคัญของการเป็นนักคิด
– เข้าใจการทำงานของสมองที่ส่งผลต่อการคิด
– ครบเครื่องเรื่องทักษะการคิด 5 แบบเพื่อจัดการปัญหาอย่างเป็นระบบ
– การคิดเชิงแก้ปัญหา ( Problem Thinking )
– การคิดเชิงวิเคราะห์ ( Analytic Thinking )
– การคิดเชิงสร้างสรรค์ ( Creativity Thinking )
– การคิดเชิงกลยุทธ์ ( Strategic Thinking )
– การคิดเชิงบูรณการ ( Integrated Thinking )
– Workshop : กิจกรรมพัฒนาทักษะการคิด
PART 2 : หลักการพื้นฐานของการเขียน Mind Map
– Mind Map คืออะไร
– เหตุใดจึงควรใช้ Mind Map
– การเขียน Mind Map ควรมีหลักคิดอย่างไร
– หลักการเขียน Mind Map ได้อย่างมั่นใจ
– ตัวอย่างการเขียน Mind Map ในการทำงานและการดำเนินชีวิตทั่วไป
– ถอดบทเรียนตัวอย่างMind Map เพื่อเข้าใจหลักการเขียนเชิงลึก
– Workshop : สร้าง Mind Map ในสไตล์ของตัวเองพร้อมทั้งฝึกถอดบทเรียนการคิดที่ใช้เขียน
PART 3 : ประยุกต์ใช้ Mind Map กับการทำงานและการดำเนินชีวิตทั่วไป
– Mind Map กับการวางแผนเพื่อพิชิตเป้าหมาย
– Mind Map กับการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ
– Mind Map กับการนำเสนอแนวคิด
– Mind Map กับการวางผังบุคลากร
– Mind Map กับการสอนงานและมอบหมายงาน
– Mind Map กับการสร้างสมดุลชีวิต
– Workshop : ประยุกต์ใช้ Mind Map กับการการทำงานจริง
ผู้เข้าฝึกอบรม
-ผู้บริหาร ผู้จัดการ และพนักงาน ที่ต้องการใช้ Mind Map มาช่วยในการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
-ผู้ที่ต้องการฝึกคิดอย่างเป็นระบบด้วย Mind Map
-ผู้ที่ต้องการนำมายแมพ (Mind Map) มาใช้ในการวางแผนกิจกรรมต่าง ๆ ภายในองค์กรและชีวิตประจำวัน
-ผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ด้วยมายแมพ
-ผู้ที่ต้องการใช้สมองทั้งสองซีก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ระยะเวลาการฝึกอบรม:
1 วัน (6 ชั่วโมง)
จำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรม:
30 คน
วิธีการฝึกอบรม: บรรยาย 40% กิจกรรมการเรียนรู้ 60%
– เป็นการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ (Adult Learning) โดยผู้เรียนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในแนวทางของตัวเอง
– กิจกรรมการเรียนรู้
– การบรรยาย-สาธิต
– ระดมสมอง – เกมประกอบหลักสูตร – กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์
– การแสดงบทบาทสมมติ
– วิทยากรทำหน้าที่เพียงผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (Facilitator) ทำให้การพัฒนาเป็นไปตามธรรมชาติของผู้เรียนรู้นั้น ๆ
วิธีการประเมินผล
– จากแบบสอบถามและการสังเกต
– จากการสุ่มตัวอย่างทดสอบและทบทวนกลับ
– จากข้อมูลที่ได้รับและการติดตาม วิเคราะห์ประเมินผลจากนามธรรมสู่รูปธรรมจนเกิดประสิทธิผลสูงสุด