การบริหารเวลาแนวพุทธ
เพื่อเสริมสร้างชีวิตให้เบิกบาน
งานมีประสิทธิภาพ
(Effective Time Management with Buddhist Methods)
หลักการและเหตุผล
จากพุทธศาสนสุภาษิต กล่าวไว้ว่า “อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์”และ “คนที่ผลัดวันว่าพรุ่งนี้ ย่อมเสื่อม ยิ่งผลัดว่ามะรืนนี้ ก็ยิ่งเสื่อม” แสดงให้เห็นว่าคำสอนในทางพระพุทธศาสนานั้นให้ความสำคัญกับเวลา สมดังที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ทรงพระนิพนธ์หนังสือเรื่อง “ปราชญ์กล่าวว่าชีวิตนี้น้อยนัก” ได้ทรงมีพระประสงค์ให้คนไทยตระหนักถึงเรื่องของเวลา อายุ ชีวิตในปัจจุบันของแต่ละคนเช่นกัน บุคคลมีเวลา 24 ชั่วโมง/วันเท่ากัน ฉะนั้นการบริหารจัดการเวลาอย่างไร จึงสามารถใช้เวลาในชีวิตและการงานให้เกิดคุณค่าและประโยชน์สูงสุด ไม่ปล่อยชีวิตและเวลาให้ผ่านเลยโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ใช้เวลาเป็นสิ่งกำหนดชีวิตที่เร่งรัดตัวเองมากเกินไปจนทำให้ชีวิตต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันของเวลาและเกิดความเครียด แต่ควรใช้ชีวิตเป็นตัวกำหนดเวลาจึงดี โดยมีความเข้าใจต่อธรรมชาติของชีวิตและธรรมชาติของเวลา สามารถบริหารองคาพยพของเวลา เพื่อให้เกิดเอกภาพและความสมดุลจนนำไปสู่ความสำเร็จ
ทั้งนี้ การบริหารเวลาโดยการนำหลักพุทธธรรม มาผสมผสานเชื่อมโยงกับศาสตร์องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารเวลาโดยทั่วไป จนเกิดเป็นรูปแบบองค์ความรู้ใหม่ด้านการบริหารเวลาแนวพุทธ เรียกว่า“MKUT Model” (มกุฏ โมเดล) นั้น เป็นการบริหารจัดการเวลาโดยใช้เวลาอย่างมีความรู้ ซึ่งประกอบไปด้วยความมีสติ ความตระหนักรู้ในความถูกต้องของช่วงระยะเวลาที่ทำกิจกรรมนั้นๆ เมื่อความรู้สมบูรณ์ย่อมทำให้การใช้เวลาสมบูรณ์ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพด้วยความมีสารประโยชน์ดี จนสามารถบรรลุผลจริง จึงควรส่งเสริมสนับสนุนจัดการอบรมสัมมนาให้บุคลากรขององค์กรที่เกี่ยวข้องได้เรียนรู้และตะหนักถึงการบริหารเวลาฯ ดังกล่าว
วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์/ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้เรียนรู้และตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของการบริหารเวลา
2. เพื่อเสริมสร้างทักษะการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
3. เพื่อส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ใช้ศักยภาพตัวเองอย่างเต็มความสามารถ ในการบริหารจัดการเวลาอย่างครอบคลุมทุกมิติของชีวิตตนเองด้วยรูปแบบ MKUT Model
4. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปประยุกต์ใช้ในการทำงานด้านการบริหารจัดการเวลาร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อการพัฒนางานและเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กร สืบต่อไป
หัวข้อการฝึกอบรม
– ธรรมชาติของเวลาและที่มา
– ธรรมชาติของชีวิตและความเป็นไป
– คุณค่า ประโยชน์และความสำคัญของการบริหารเวลา
– ลักษณะของเวลาในพระพุทธศาสนา
– ปัญหาและอุปสรรคการบริหารเวลา
– ผลกระทบจากการบริหารเวลา
– แนวคิดในการบริหารจัดการเวลา
– เวลากับการพัฒนาชีวิตด้วยรูปแบบ MKUT Model
– การบริหารเวลาตามลำดับความสำคัญและความเร่งด่วน
– การบริหารเวลาเพื่อความรู้ตน รู้คน รู้บริษัท
– การบริหารเวลาเพื่อกำหนดแผนงาน
– การบริหารเวลาเพื่อคุมเวลา
– การบริหารเวลาเพื่อบรรลุผลจริง
– ไม้บรรทัดทองใช้วัดการฝึกฝน
– เทคนิคการเลิกนิสัยการผัดวันประกันพรุ่ง
– หลุมพรางขัดขวางความสำเร็จที่ต้องระมัดระวัง
– พันธะสัญญากับการบริหารเวลาร่วมกัน
ผู้เข้าฝึกอบรม
– พนักงาน
– หัวหน้างาน
– ผู้จัดการ
ระยะเวลาการฝึกอบรม:
1 วัน (6 ชั่วโมง)
จำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรม:
30 คน
วิธีการฝึกอบรม: บรรยาย 40% กิจกรรมการเรียนรู้ 60%
– เป็นการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ (Adult Learning) โดยผู้เรียนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในแนวทางของตัวเอง
– กิจกรรมการเรียนรู้
– การบรรยาย-สาธิต
– ระดมสมอง – เกมประกอบหลักสูตร – กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์
– การแสดงบทบาทสมมติ
– วิทยากรทำหน้าที่เพียงผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (Facilitator) ทำให้การพัฒนาเป็นไปตามธรรมชาติของผู้เรียนรู้นั้น ๆ
วิธีการประเมินผล
– จากแบบสอบถามและการสังเกต
– จากการสุ่มตัวอย่างทดสอบและทบทวนกลับ
– จากข้อมูลที่ได้รับและการติดตาม วิเคราะห์ประเมินผลจากนามธรรมสู่รูปธรรมจนเกิดประสิทธิผลสูงสุด
– ข้อมูลที่ได้รับจากการตั้งไลน์กลุ่ม TM Line (Time Management) เพื่อติดตามผลหลังอบรม